enneagramthailand.org

อะไรทำให้ชีวิตรักของคน 5 กับ 1 เจือจาง?

คลีนิคนพลักษณ์

ด๊อกเตอร์เดวิด ที่นับถือ

ฉันชอบคอลัมต์ของคุณมาตลอดและได้เรียนรู้อะไรมากมายจากคอลัมต์นี้ ตอนนี้ฉันและสามีต้องการความช่วยเหลือจากคุณค่ะ

เราสองคนอายุอยู่ในช่วงวัย 40 และแต่งงานมาได้ 2 ปีแล้ว มันเป็นการแต่งงานครั้งที่ 2 ของเราทั้งคู่ ฉันเป็นคนลักษณ์ 1 ลักษณ์ย่อยคือ สัมพันธ์ใกล้ชิด ส่วนสามีเป็นคนลักษณ์ 5 ลักษณ์ย่อยผดุงตน โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเราอยู่กันอย่างสงบ ชีวิตมีความสุขตามประสา ลูกชายของสามีมาเยี่ยมเยียนบ้างซึ่งช่วยให้พวกเราอยู่ร่วมกันได้ดี สามีเป็นคนที่แสดงความรักมากทีเดียว จิตใจเปิดกว้าง เป็นคนฉลาด รับผิดชอบเต็มที่กับสัมพันธภาพซึ่งฉันให้ความสำคัญมาก ฉันมีรูปของเขาบนโต็ะทำงานไว้คอยดูและทำให้รู้สึกได้ถึงกระแสของความอบอุ่นและความสุข ฉันได้เรียนรู้จากเขาถึงวิธีการการอยู่อย่างสงบ วิธีการแสดงความรักด้วยการให้ขอบเขตพื้นที่ว่างระหว่างกัน และวิธีการที่จะพูดคุยในเรื่องอารมณ์ ความรู้สึกอย่างมีเหตุมีผล และฉันคิดว่าเขาเองก็ได้เรียนบางสิ่งจากฉันในเรื่องสัมพันธภาพเช่นกัน

เรื่องราวปัญหาของเราคือ เรื่องเซ็กส์ ก่อนที่เราจะแต่งงานสัก 2 เดือน ฉันแทบไม่ต้องบอกเล่าเรื่องเซ็กส์ที่ฉันชอบ หรือพอใจได้ เซ็กส์เคยเป็นเรื่องอิสระ ง่าย มีชิวิตชีวา น่าตื่นเต้น แล้วจากนั้นมันก็เหมือนในตัวเขาประตุถูกปิดลง เซ็กส์กลายเป็นแบบฝึกหัดทางเพศรสในเชิงสติปัญญาของเขา เขาเริ่มขอให้ฉันบอกในสิ่งที่ฉันต้องการจากเขาในทางเทคนิค เช่น ตำแหน่งที่ควรสัมผัส ควรแตกต้อง และเมื่อฉันบอกว่าฉันบอกเขาอย่างนั้นไม่ได้ ฉันต้องการเพียงแต่ให้เขาปฏิบัติในสิ่งที่เขาเคยปฏิบัติมาก่อน เขาตอบว่าเขาอาจไม่รู้ก็ได้ว่าควรเอาใจฉันอย่างไร ถึงฉันไม่บอกกล่าวก่อน

ฉันรู้สึกสับสน เขาเองก็เหมือนกัน ฉันพยายามทำตามในสิ่งที่เขาบอกแต่ฉันก็พบว่าเมื่อฉันบอกว่าฉันชอบอะไร เขามักทำซ้ำๆ ในแต่ละครั้งที่เรามีอะไรต่อกัน เมื่อฉันบอกเขาว่ามันดูไม่เหมือนเซ็กส์ แต่มันดูเหมือนเขากำลังค้นหากลไกเพื่อกดเปิดมันมากกว่า เขาบอกว่าความรักหมายถึงการพยายามเอาอกเอาใจคู่ของตน ขณะเดียวกันฉันก็รู้ว่าเขาต้องการเปิดกลไกนั้นและก็ไม่ได้มีความสุขนัก เว้นแต่ช่วงเวลาที่ฉันบอกอะไรเขาตรงๆ ฉันพยายามทำสิ่งที่เขาขอ แต่ก็รู้สึกได้ว่าฉันไม่สามารถแสดงความต้องการเซ็กส์อย่างนั้นได้

โดยรวม เขามีความสุขกับชีวิตเซ็กส์ของเรา แม้ว่าเขาต้องการให้ฉันชี้แนะมากกว่านี้ เขาบอกว่ามันเป็นสิ่งดีเยี่ยมมากเท่าที่เขาเคยมีประสบการณ์มา เขารุ้ว่าฉันไม่ค่อยมีความสุขมากนัก ที่ผ่านมาถือได้ว่าฉันเองก็โชคดีมีความสุขกับเรื่องนี้มาโดยตลอดไม่เคยมีปัญหาแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เราสองคนไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ พวกเราคุยกันหลายครั้งแต่ก็ติดตัน ช่วยเราด้วยนะคะ

ขอบคุณ

ภรรยาผุ้มีความสุขมากที่สุด

 

 

ความสุข ความพอใจในเซ็กส์อยู่ยั่งยืนหรือไม่ ?
อะไรทำให้ชีวิตรักของคน 5 กับ 1 เจือจาง ?
Enneagram Monthly:  เดวิด แดเนียล

 

คุณ ภรรยาผู้มีความสุขมากที่สุดครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับคำถามเกี่ยวกับชีวิตรักที่ตรงไปตรงมาและน่าสนใจมาก  ความจริงแล้วมีวิธีการตอบคำถามของคุณได้มากทีเดียว  และคำถามของคุณก็มีมากมายที่คุณได้หยิบยกขึ้นมา

ทำไมเรื่องทางเซ็กส์หรือความโรแมนติคของพวกเรามักจะเปลี่ยนแปลงภายหลังชีวิตสมรสแน่นอนเรื่องนี้ไม่ใช่กฎเกณท์ทางพฤติกรรม  อะไรคือแรงจูงใจทางวัฒนธรรมเกี่ยวกับชีวิตด้านเซ็กส์และความสุขสมหวังในเรื่องนี้  สำหรับพวกเราซึ่งมีความรู้หรือไม่มีในเรื่องนี้ก็ตามในเรื่องแรงจูงใจการสร้างครอบครัวมันแสดงอออกอย่างไร  บุคลิกภาพแสดงออกอย่างไรและคำถามพื้นฐานที่ว่าอะไรคือ คือองค์ประกอบของสัมพันธภาพที่ก่อความรัก ความเต็มเปี่ยม

คำถามสุดท้ายนี้ ผมมักมีความเห็นว่าสัมพันธภาพพื้นฐานเป็นเหมือนเก้าอี้ที่มี 3 ขา  ขาข้างหนึ่งมีหน้าที่สนับสนุนหรือเป็นเหตุปัจจัยเพื่อหล่อเลี้ยงสัมพันภาพ  หน้าที่ของขาข้างนี้ คือ สนับสนุนรักษาสัมพันธภาพ มันเกี่ยวข้องกับเรื่องใครทำอะไร เมื่อไร  ภารกิจในชีวิตประจำวันถูกจัดสรรอย่างไร  กิจกรรมเพื่อการผดุงตนถูกจัดวางอย่างไร   สำหรับเพื่อนรอบข้าง และมิตรภาพจะเป็นข้าข้างที่ 2 ของเก้าอี้ตัวนี้ ขาข้างนี้รวมถึงการมีความสนใจร่วมกัน  มีแง่มุมของชีวิตทางสังคมที่ตรงกันและเกี่ยวเนื่องกับความสำคัญของเพื่อนที่มีต่อกันและกัน  ขณะที่ความรัก ความใกล้ชิดทางอารมณ์ความรู้สึกจักประกอบกันเป็นขาข้างที่ 3  ขาข้างนี้เกี่ยวเนื่องกับชีวิตอันรื่นรมย์ของพวกเราที่มีต่อกัน  เช่น ความใกล้ชิดทางเพศรสหรือเซ็กส์  วิธีการที่เราให้และรับความรัก ความผูกพันทางอารมณ์ที่มีร่วมกัน  ขาทั้ง 3 ของเก้าอี้ซึ่งประกอบกันเป็นความสัมพันธ์เป็นหัวใจสำคัญที่มีต่อสัมพันธภาพที่มีความสุข ความสมหวัง   ถ้าขาข้างหนึ่งหรือ 2 ข้างหายไปหรืออ่อนแอแล้ว  ในที่สุดสัมพันธภาพนี้ก็จะเสียสมดุลและไร้เสถียรภาพได้ในที่สุด  เพราะพลังงานที่จะทำให้เก้าอี้นี้ใช้งานได้ หรือความสุข พอใจในสัมพันภาพมีไม่มากพอ เนื่องจากพลังงานถูกใช้ไปกับการประคองให้เก้าอี้นี้ตั้งอยู่ได้จากขาข้างทีทำงานไม่ได้

ตรงนี้ ตามที่คุณบรรยายสัมพันธภาพของคุณ ผมรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่และมิตรภาพที่เกื้อหนุนร่วมกันระหว่างคุณ 2 คน  คุณพูดถึงสามีว่าเป็นคนแสดงความรัก จิตใจเปิดกว้าง ฉลาดและมีความรับผิดชอบ  รวมถึงบอกด้วยว่ารูปภาพของเขานำมาซึ่ง “กระแสแห่งความอ่อนโยนและความสุข พอใจ” คุณไม่ได้บอกเล่าเนื้อหาเกี่ยวกับขาข้างที่ 1 คือ เรื่องบทบาทหน้าที่ในชีวิตแต่ละวัน มันมีความยุ่งยากหรืออย่างไร  รวมถึงไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ทางสังคม  ความผิดหวังเสียใจของคุณเพียงเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศรส  ซึ่งคุณนำมาเป็นเนื้อหาสำคัญในการเข้าถึงความสุข สมหวังในชีวิต  ดังนั้นเรื่องราวความสุข พอใจ อิสระ ง่ายดาย น่าตื่นเต้น น่าพอใจในชีวิตเซ็กส์ช่วงหลังการสมรสนั้น “ประตูถูกปิด” มันเป็นอย่างไร  อนึ่ง  ประเด็นนี้จะช่วยให้คนอ่านทั้งหมดแก้ไขความเชื่อผิดๆ ที่มองว่าคนลักษณ์หนึ่งเป็นคนที่จำเป็นต้องเก็บกดทางเพศ  และเรื่องทางเซ็กส์มันกลายมาเป็นความเพียรพยายาม เทคนิคและอดกลั่นอย่างไร (แม้แต่ที่คุณบอกว่ามันซ้ำซาก) การเริ่มต้นตรงนี้สามีคุณพยายามอย่างมากที่จะทำให้คุณพอใจ เช่น การเคลื่อนไหว หรือการอยากรู้ในสิ่งที่เขาควรรู้ในทางเทคนิค หรือกลไกที่เขาควรใส่ใจ  เขาพยายามทำสิ่งนี้ขณะที่ความเป็นคนหนึ่งของคุณก็แสดงออกดต้ตอบ  และยิ่งคุณทั้งสองพยายามมากเพียงใด  ความยากติดตันก็ยิ่งมีอยู่มากเท่านั้น

ดังนั้นข้อแนะนำประการแรกของผมที่มีต่อคุณ ก็คือ การพยายามที่จะสังเกตท่าทีทางจิตใจและการนึกคิดแบบคนหนึ่งนั้นทำงานอย่างไร เช่น การวิพากษ์ ตัดสิน  การเปรียบเทียบ การวิพากษ์วิจารณ์แสดงบุคลิกภาพเหล่านี้ออกมาอย่างไร  ระลึกเสมอว่า “ความคิดยึดติด” มักเข้ามาอยู่เสมอ   คุณเป็นนักอุดมคติ คุณมุ่งหวังสัมพันธภาพที่สมบูรณ์พร้อม และคู่รักของคุณได้มาสู่การพยายามตรงนี้และกำลังไปสู่ความผิดหวัง  เช่นเดียวกันอย่างที่คุณบรรยาย  ท่าทีทางจิตใจการคิดนึกแบบคนห้าของสามีคุณก็กำลังหันไปสู่การโต้ตอบ   เขาพยายามคาดประเมินให้ชัดเจนในสิ่งที่ทำ  การรู้ในสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างอาจจะด้วยวิธีการโดยสติปัญญาเพื่อเปิดกลไกที่ถูกต้องในเรื่องเซ็กส์ แน่นอนว่าเขาต้องการให้คุณมีความสุข  เขาแน่ใจว่าเขาพยายาม ดังนั้นข้อแนะนำประการที่ 2 คือ ขอให้คุณ “ผ่อนคลายบ้าง” เพื่อชื่นชมต่อความตั้งใจของเขา  ต่อวิธีการที่เขาแสดงออกและความพยายามที่เอาใจคนรักซึ่งคือ คุณเอง    ขอให้ปรับเปลี่ยนความใส่ใจของคุณไปที่สัมผัสทางเพศรสที่น่าพอใจเมื่อการรับรู้ในเรื่อง “ประตูถูกปิด” กำลังเริ่มต้นขึ้นมา  ขอให้เป็นมิตรกับความผิดหวัง เสียใจ บอกกับตนเองว่า “อะฮ้า เรากำลังวิพากษ์ ตัดสินอีกแล้ว”  จดจำเสมอว่าศัตรูตัวร้าย คือ ตัววิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่ภายในที่คอยตัดสินสัมพันธภาพทางเซ็กส์ของคุณและความพยายามอย่างหนักเพื่อแก้ไขมัน  นี่ยิ่งทำให้ปัญหาใหญ่โตขึ้น  ทั้งหมดนี้ คนลักษณ์หนึ่งก็คือ คนเสพติดการแก้ไขปรับปรุง  เสียงวิพากษ์ภายในของคุณอาจรับรู้คำแนะนำของผมว่าเป็นการวิพากษ์ ตัดสินเพื่อให้ปรับปรุงแก้ไขตนเอง    หรือก็อาจวิพากษ์ตัดสินคำแนะนำของผมก็ได้  สิ่งเหล่านี้อาจเป็นความคิดที่มีประโยชน์ที่เชิญชวนสามีคุณให้พิจารณาตามวิธีการของคนห้าให้ใส่ใจต่อโลกทัศน์คนหนึ่งที่รู้สึกถึงอิสรภาพ ความสุขพอใจเป็นสิ่งที่ต้องควบคุมในสัมพันธภาพทางเพศรสเช่นนี้

ข้อต่อไป มันดูเหมือนว่าลักษณ์ย่อยของคุณมีความแตกต่างในการแสดงบทบาท  ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณทั้ง 2 จำเป็นต้องมีอะไรที่สอดคล้องที่มากหรือน้อยก็ตามในทางลักษณ์ย่อย  เพียงแต่ลักษณ์ย่อยทางสัมพันธ์ใกล้ชิดคุณจะแสดงออกเข้มข้นในเรื่องนี้มากกว่า  ขณะที่สามีคุณมีลักษณ์ย่อยผดุงตนมักมุ่งหาความมั่นคง ความมั่นใจในสัมพันธภาพทางเพศรสเช่นนี้มากกว่า  เมื่อแต่ละคนรู้สึกผิดหวังกับความแตกต่างที่ละเอียดอ่อน มันก็ยิ่งเลวร้ายขึ้น  ความใส่ใจเข้มข้นกับเรื่องนี้ของคุณ  สามีคุณอาจมองว่าเป็นสิ่งรุกล้ำชีวิตเขาได้  ระลึกเสมอว่าภายใต้ท่าทีทางจิตใจการนึกคิดแบบคนห้า  ความกลัวที่รู้สึกเลวร้ายที่สุดคือ การถูกบั่นทอนหรือดึงดูดพลังชีวิตออกไป  (และแน่นอนว่าสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว) เช่นเดียวกัน  ช่องว่างระหว่างอุดมคติต่อความใส่ใจเข้มข้นเรื่องนี้ (ความตื่นเต้น ความมีชีวิตชีวา เป็นต้น) ของคุณกับความใส่ใจเข้มข้นที่เกิดจริงในสัมพันภาพทางเพศรสของคุณนำมาซึ่งความเสียใจ ผิดหวัง  ซึ่งมันก็เป็นผลมาจากการวิพากษ์ ตัดสินที่ไม่มีสติจากความสัมพันธ์ทางเพศรสของพวกคุณ  ดังนั้นคุณอาจต้องสำรวจความหมายที่ซ่อนเร้นในระหว่างกันและกัน

ถึงตรงนี้ ถ้าความอึดอัดลำบากกับปัญหานี้ยังคงอยู่ สิ่งสำคัญสำหรับพวกคุณแต่ละคน คือ การสำรวจว่าอะไรคือ ความหมายที่ซ่อนลึกอยู่ภายใต้ความวิตกกังวลของคุณ ความรู้สึกต่อคุณค่าในตนเองผูกติดกับสิ่งต่อไปนี้หรือเปล่า นั่นคือ มาตรฐานอันสูงส่ง อุดมคติของคุณหรือวิธีการบรรลุสมหวังในสัมพันธภาพทางเพศรสที่ “ควร” เป็นอย่างนั้นอย่างนี้  สามีคุณกังวลกับเรื่องขอบเขตในการปกป้องพื้นที่ของเขาแม้แต่กับความรู้สึกลึกๆ ของตนเองหรือเปล่า  โดยความเป็นคนห้า  เขาต้องการที่จะผูกสัมพันธ์และได้มาซึ่งความรักที่ยั่งยืน เสมอต้นเสมอปลาย สิ่งที่โชคดีของพวกคุณก็คือ การได้รับความสุข สมหวังกับสัมพันธภาพทางเพศรสมาก่อนแล้ว

ประการสุดท้ายซึ่งอาจเป็นมุมมองด้านลบของผม  การแต่งงานโดยตัวมันเองนั้นอาจมีความหมายหลบซ่อนที่กัดเซาะการสัมผัสรับรู้ในเรื่องเซ็กส์  พวกเรามักมีคำว่า “น้ำผึ้งพระจันทร์” ซึ่งมีนัยถึงความรู้สึก โรแมนติคที่มีร่วมกันก็ต้องหดหายไป เมื่อพวกเราระลึกถึงความรับผิดชอบต่อเรื่องการแต่งงาน โดยทั่วไปความรัก ความหวานซึ้งก็เป็นจังหวะเคาะที่ไม่ดีนักในเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ก็ได้  มันไม่ได้มีพื้นที่มากมายนักที่จะไปสู่ความหมายเชิงการแต่งงานซึ่งกระทบต่อสัมพันธภาพทางเพศรส  อย่างไรก็ตามผมมักเชื่อเสมอว่าการประสานความรักที่ลึกซึ้งกับแง่มุมทางจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่รักษาส่วนประกอบของความรัก ความหวานซึ้งได้อย่างมีชีวิตชีวาและยั่งยืน

ขอบคุณต่อจดหมายที่บอกเล่าเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ความนึกคิดเช่นนี้  และโปรดให้ผมได้รับรู้ข่าวคราวจากคุณในโอกาสต่อไปด้วยว่าเรื่องราวชีวิตรัก หวานซึ้งของคุณคลี่คลายและเป็นไปอย่างไร

เดวิด แดเนียล 

 

 

หาลักษณ์ตัวเองไม่ได้?

คลีนิคนพลักษณ์

ด๊อกเตอร์เดวิด ที่นับถือ

ผมเป็นนักจิตบำบัดที่ทำงานมาร่วม 10 ปี ช่วงที่ผ่านมาไม่กี่ปีผมเพิ่งได้พบนพลักษณ์และได้ศึกษาทดลองทำแบบทดสอบเพื่อค้นหาลักษณ์ตามที่มีแบบทดสอบในหนังสือหรือในเวฟไซต์ต่างๆ ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนผมทดลองหาลักษณ์คาดว่าเป็นลักษณ์สอง แต่ตอนนี้ผมกำลังสงสัยระหว่างลักษณ์สี่กับลักษณ์เก้า สองลักษณ์ดูมีบทบาทในชีวิตผมมาก แบบทดสอบแห่งหนึ่งชี้ว่าผมเป็นลักษณ์หนึ่งซึ่งไม่น่าเป็นอย่างนั้นได้ คำถามของผมคือ ผมมีโอกาสเป็นทั้งสองลักษณ์ได้ไหม ? หรือผมต้องศึกษาตนเองให้มากกว่านี้ ?

ถ้าให้ผมสำรวจตัวเองคร่าวๆ ผมเป็นคนโรแมนติค มีความเป็นปัจเจกสูง ความรู้สึกและการแสดงออกมักเป็นอย่างลึกซึ้ง ผมรู้สึกเสมอๆ ว่ามีอะไรบางอย่างในชีวิตที่ขาดหายไป ผมเป็นคนอิจฉาเก่ง (ไม่ใช่หึงหวง) เป็นคนที่ประนีประนอมได้ดีมาก และมักหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง เป็นคนที่ได้รับความชื่นชม รวมถึงชอบทำอะไรที่เป็นการหลงลืมตนเองและก็อีกหลายๆ บุคลิก อย่างไรก็ตามผมไม่ใช่คนที่ชื่นชอบความโศกซึ้งมากนัก และผมก็ไม่ใช่คนที่มีแรงจูงใจแบบต้องการความช่วยเหลือจากใคร ผมรู้สึกว่าการหาลักษณ์ให้คนอื่นสำหรับผมเป็นเรื่องง่ายมาก แต่สำหรับการหาลักษณ์ให้ตัวเอง ผมแทบเป็นบ้า !

ขอบคุณครับและนับถือ

นักไกล่เกลี่ยผู้โรแมนติค

 

แทบเป็นบ้าเพราะหาลักษณ์ตัวเองไม่ได้ ?
ข้อแยกแยะระหว่างลักษณ์ 4 กับ 9 ?
Enneagram Monthly July-Aug 2002 : เดวิด แดเนียล


เรียน คุณนักไกล่เกลี่ยผู้โรแมนติค

คำถามของคุณเป็นคำถามพื้นฐานที่สำคัญมาก โดยเฉพาะคำถามนี้มันเกี่ยวกับกระบวนการรับรู้และค้นพบตนเอง เพราะว่าลักษณะพฤติกรรมที่คุณบอกมาเป็นพฤติกรรมภายนอกที่มีร่วมกันในหลายๆ ลักษณ์  เช่น การผลัดวันประกันพรุ่งและการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า สองประเด็นที่คุณหยิบยกขึ้นมา พวกเราคงจำเป็นต้องค้นหาแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมนั้นๆ

ลักษณะบุคลิกที่คุณอ้างมาส่วนใหญ่สอดคล้องกับลักษณ์สี่ “คนโศกซึ้ง” โดยเฉพาะที่คุณบรรยายตัวเองว่า “ผู้รู้สึกเสมอๆ ว่าบางสิ่งหายไปและอิจฉาเก่ง”  รวมถึงที่บอกว่า “ความรู้สึกและการแสดงออกเป็นไปอย่างลึกซึ้ง เป็นคนโรแมนติคและมีความเป็นปัจเจกสูง”  ลักษณะที่บรรยายมาทั้งหมดนี้มองได้ว่าเป็นลักษณะบุคลิกเชิง “บวก” ดังนั้นพวกเราหลายๆ คนมักยินดีที่จะอ้างยึดลักษณะนี้เป็นตัวเรา  แต่แน่นอนว่าคนเก้าบางคนที่อ้างบุคลิกเหล่านี้ก็เป็นบุคลิกที่ถูกต้องของเขาได้ด้วย

คำถามของคุณมีความยุ่งยากตรงที่ว่าผมไม่ทราบความหมายที่ซ่อนลึกอยู่ในบุคลิกภาพตามที่คุณบอกมา  ประเด็นนี้มีความสำคัญในการสอบถามและค้นหา  ตัวอย่างเช่น คำว่า “การผลัดวันประกันพรุ่ง” “การหลงลืมตนเอง” สองคำนี้คุณหมายถึงอะไร  คุณแยกแยะชัดเจนหรือไม่  ระหว่างคำว่า ความโศกซึ้ง (ซึ่งหมายถึงความรู้สึกเศร้าโศกที่มีความอ่อนหวาน ควมน่าพึงพอใจซึ่งมักเป็นความรู้สึกที่ไปด้วยกันกับการรับรู้มีอุดมคติอันดีเลิศแฝงอยู่)  กับ ความรู้สึกหดหู่ ท้อแท้ (เป็นภาวะความรู้สึกเจ็บปวดที่บ่อยครั้งเนื่องมาจากการสูญเสียความหวัง หรือมีช่องว่างที่ใหญ่เกินไประหว่างสิ่งที่เป็นจริงกับสิ่งที่คาดหวัง)  อยากให้คุณลองสำรวจความหมายของคำเหล่านี้ด้วยการตั้งคำถามกับตนเอง

นอกจากนี้พวกเราไม่รู้ว่าอะไรทำให้คุณเครียด (หรือกดดันคุณ) อะไรที่กระตุ้นปฏิกิริยาโต้ตอบในตัวคุณ ประเด็นเหล่านี้มีความสำคัญที่ต้องทราบเพราะว่าปฏิกิริยาโต้ตอบจากตัวคุณเองจะบอกลักษณะเฉพาะตามความเป็นลักษณ์นั้นๆ

อย่างไรก็ตามประเด็นหลักในการแยกแยะระหว่างลักษณ์สี่กับลักษณ์เก้า คือ ลักษณ์ทุกลักษณ์จะมีที่มาจากความเชื่อพื้นฐานของแต่ละลักษณ์  คนโศกซึ้งมีแนวโน้มมุ่งมองใส่ใจที่ตนเอง  ยึดติดกับความเป็นพิเศษและความไม่ธรรมดา  และพร้อมที่จะสุดขั้วหรือลึกซึ้งเต็มที่ทางอารมณ์ความรู้สึกเพื่อที่จะรู้สึกถึงความสำคัญและความมีชีวิต  ดังนั้นสิ่งที่ทำให้คนสี่เครียดคือ ความรู้สึกด้อยค่าและผิดหวัง  ความรู้สึกขาดพร่อง  ความรู้สึกว่าตนไม่เป็นที่ใส่ใจ  ไม่เป็นที่รับรู้ในความพิเศษ และความรู้สึกผิดหวังที่เกิดขึ้นบ่อยๆ 

ในทางตรงกันข้ามผู้ไกล่เกลี่ยมีแนวโน้มใส่ใจคนอื่น  พวกเขาชอบที่จะทำให้ชีวิตราบเรียบ รู้สึกสบายๆ และดำเนินชีวิตไปตามสิ่งที่มาชดเชยความรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ หรือดำเนินชีวิตเพื่อความกลมกลืน  สิ่งที่ทำให้คนเก้าเครียด คือ การ “ถูกบังคับ” ให้ต้องกำหนดบทบาทฐานะ การถูกผลักดันให้ต้องตัดสินใจ ต้องลงมือกระทำ  การเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง และที่น่าแปลกก็คือ การถูกปฏิบัติเหมือนคนเก้าไม่มีความสำคัญ

จากที่กล่าวมานี้เป็นเพียงความแตกต่างทั่วไป  ซึ่งมีที่มาจากความเชื่อพื้นฐานของแต่ลักษณ์  คนสี่เชื่อว่าพวกเขาต้องได้ความรักหรือสภาพแวดล้อมอันเป็นอุดมคติดั่งเดิมที่ “สูญหาย” ไป  ด้วยการแสวงหาความรักหรือสภาพแวดล้อมที่มีความเป็นหนึ่งเดียว พิเศษและเป็นที่ปรารถนา  และเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้คนสี่สมหวังได้

ส่วนคนเก้าเชื่อว่าพวกเขาต้องได้ความรู้สึกถึงความสำคัญ และคุณค่าที่ “สูญหาย” ไป ด้วยการแสวงหาความเป็นสมาชิก ความกลมกลืน การกระจายพลังงานไปกับเป้าหมายเรื่องราวที่ไม่สำคัญ  รวมถึงมักสนใจและกลมกลืนไปกับคนอื่นๆ

ดังนั้นเพื่อสอดคล้องกับยุทธวิธีในการสัมพันธ์กับความเชื่อพื้นฐานนี้ ความใส่ใจของคนสี่มุ่งต้องการสิ่งที่หายไปและเห็นว่าสำคัญโดยยึดถือตนเองเป็นหลัก  โดยไม่รู้ตัวคนสี่มักไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคนอื่นนัก และปฏิเสธในสิ่งที่ธรรมดาสามัญ

ขณะที่ยุทธวิธีของคนเก้า  ความใส่ใจมุ่งไปที่สิ่งเรียกร้องตามสภาพแวดล้อมที่มีอยู่มากมายโดยยึดถือคนอื่นเป็นหลัก  บางครั้งก็หันเหความใส่ใจไปที่เรื่องไม่สำคัญ  หลงลืมเรื่องที่มีลำดับความสำคัญ และมักทำสิ่งต่างๆ ไปตามที่มันเป็น

ผมมีข้อคิดเห็นประเด็นหนึ่งก่อนที่จะขอแนะนำในเรื่องนี้  คือ คุณปฏิเสธลักษณ์หนึ่ง “คนสมบูรณ์แบบ” ว่าไม่น่าเป็นอย่างนั้นได้  ผมอยากชี้ว่าลักษณ์หนึ่งเป็นลักษณ์เดียวที่เชื่อมโยงกับทุกลักษณ์ที่คุณได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณา  คือ ลักษณ์สอง ลักษณ์สี่และลักษณ์เก้า  การติดฉลากลักษณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของคุณซึ่งคุณคิดว่าไม่น่าเป็นอย่างนั้น  ก็เป็นเพียงความคิดเห็นในตัวมันเองเท่านั้น  ดังนั้นคุณอาจต้องทบทวนปฏิกิริยาของคุณที่มีต่อลักษณ์หนึ่ง

จริงๆ พวกเราบางครั้งก็พบความยุ่งยากในการค้นหาลักษณ์ของตัวเราเอง  เพราะการตัดขาดบางส่วนของเราเองออกไป  ด้านที่เป็นเงามืดจึงต้องมีการบอกเล่า  และเพราะว่าพวกเราต่างเป็นทั้งผุ้สังเกตและสิ่งที่ถูกสังเกตเมื่อมีบางสิ่งมาอยู่ในการสังเกต  แต่การสังเกตบุคลิกลักษณะพฤติกรรมภายนอกของคนอื่นก็มีสิ่งที่เป็นอคติ และสิ่งที่เป็นเครื่องกรองในการรับรู้ที่อยู่ในตัวเราและอยู่ในวิธีการรับรู้ของตัวเราด้วย

ผมเสนอให้คุณลองทบทวนความเชื่อพื้นฐานของทั้งลักษณ์สี่และลักษณ์เก้า  ให้สังเกตอย่างดีที่สุดเท่าที่คุณทำได้ว่าความใส่ใจของคุณไปที่ใด และอะไรที่จูงใจคุณได้  ประมาณ 1 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น  หยุดประมาณสัก 1 นาทีหลายๆ ครั้งใน 1 วันเพื่อคอยสังเกตตนเอง  “เราอ้างอิงตัวเองเป็นหลักต่อเรื่องราวภายในตัวเราหรือเปล่า?” (อุปนิสัยความใส่ใจของลักษณ์สี่) หรือ “เราอ้างอิงบทบาทฐานะของคนอื่นและทำตามสภาพแวดล้อมที่มากระตุ้นตัวเราหรือเปล่า ?”  (อุปนิสัยความใส่ใจของคนเก้า) พยายามสังเกตสัญญาณภายในที่มีต่อปฏิกิริยาโต้ตอบของตัวคุณ และสำรวจสิ่งที่อยู่เบื้องหลังปฏิกิริยาโต้ตอบของคุณ  นอกจากนี้ก็คือให้คุณไตร่ตรองการปฏิเสธไม่ยอมรับความเป็นลักษณ์หนึ่ง

สุดท้ายก็คือ ทำรายชื่อเพื่อนดีๆ ที่ใกล้ชิดเพื่อฟังปฏิกิริยาสะท้อนที่มีต่อตัวคุณ โดยเพื่อนคนนั้นยอมรับเงื่อนไขตามภาวะความเป็นตัวคุณ  แน่นอนคุณอาจเป็นส่วนผสมของลักษณ์สี่และลักษณ์เก้าก็ได้ (คุณไม่จำเป็นต้องเป็นลักษณ์ที่เชื่อมโยงเหล่านี้ก็ได้เช่นกัน) ถ้าเป็น กรณีเช่นนี้ งานง่ายๆ สำหรับเรื่องนี้ก็คือ ศึกษาทั้งสองลักษณ์  ความเข้าใจที่ถูกต้องแม่นยำตามลักษณ์พื้นฐานที่เป็นตัวเราเป็นเรื่องสำคัญ  เพราะว่าเราต้องใช้พลังงานอย่างมากกับเรื่องราวตามความเป็นลักษณ์ของเรา  ถ้าคุณมีความเป็นลักษณ์สี่และเก้าในสาระที่สำคัญ หนักแน่น  คุณก็ต้องศึกษา เรียนรู้กับทั้งสองลักษณ์ มันมีปฏิกิริยาและพลังงานโต้ตอบมากมายที่เกิดขึ้นจากทั้งสองลักษณ์ซึ่งคุณต้องเกี่ยวเนื่องกระทบด้วย

นับถือ 
เดวิด แดเนียล

ปล. จากจดหมายของคุณ  ผมสังหรณ์ใจว่าคุณเป็นลักษณ์สี่  แต่พวกเราทุกคนต้องไม่ลืมที่จะระลึกเสมอว่า การค้นหาลักษณ์เป็น “งานด้านใน” เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการค้นหาตนเองและตื่นตัว  ทั้งหมดนี้ขึ้นกับตัวคุณเอง  ขอให้คุณมีความมั่นใจในการให้ของขวัญตนเองเป็นเวลาเพื่อการเฝ้าสำรวจตัวคุณเอง

 

เปลียนลักษณ์ตัวเองได้หรือไม่?

คลีนิคนพลักษณ์

ด๊อกเตอร์เดวิด ที่นับถือ

หนังสือเอ็นเนียแกรมที่ฉันได้อ่านมาหลายต่อหลายเล่มต่างพูดว่า ลักษณ์ของคนเรานั้นไม่เคยเปลี่ยน ถ้าเช่นนั้นแล้วในส่วนของปีกล่ะ? เราสามารถเปลี่ยนแปลงปีกของเราให้มีมากขึ้นหรือน้อยลงได้หรือไม่ ? อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องผลกระทบของการปฏิบัติฝึกฝนตนเองกับความเป็นลักษณ์ของเรา ฉันอยากทราบความเห็นของคุณในเรื่องนี้จากการที่คุณได้สัมผัสกับผู้ที่ได้ฝึกฝนพัฒนาตนเองอย่างจริงจังเป็นเวลาหลายๆ ปี ในกรณีของฉันเอง มันเป็นไปได้หรือไม่ ที่การพยายามจงใจลดละเลิกพฤติกรรมแบบลักษณ์ 1 ของฉัน (เช่น การคิดแบบขาวกับดำ ไม่ถูกก็ต้องผิด ในการทำทุกสิ่งทุกอย่าง หรือการต้องจัดการผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องสมบูรณ์อยู่เสมอ) ฉันอาจกลายเป็นเหมือนคนลักษณ์ 9 ไปก็ได้?

การทำสมาธิ , โยคะ, และฝึกฝนทางจิตวิญญาณ ดูเหมือนจะทำให้ฉันกลายไปเป็นคน 9 ที่พัฒนาแล้วมากกว่าคน 1 ที่ด้อยพัฒนา อยากทราบความเห็นของคุณในเรื่องนี้

จาก โฮป ดับเบิลยู

 

คนเราสามารถเปลียนลักษณ์ตัวเองได้หรือไม่?
ยุทธศาสตร์การฝึกฝนพัฒนาตนเองอยู่ที่ใด?
Enneagram Monthly:  เดวิด แดเนียล

คุณโฮป ที่รัก

จดหมายของคุณเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองและศักยภาพสูงสุดของมนุษย์ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความหยั่งรู้ทางจิตวิญญาณ มากกว่าความรู้ความเข้าใจในศาสตร์ทางจิตวิทยา อย่างไรก็ตาม ผมจะขอนำเสนอแง่มุมส่วนตัวที่ได้จากประสบการณ์ตนเองในเวลาหลายปีที่ผ่านมา และเพื่อคุณจะได้ให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากความหยั่งรู้ของคุณเอง

ก่อนอื่น ผมไม่เชื่อว่าคนเราจะเปลี่ยนลักษณ์ของตัวเองได้ แต่เราสามารถพัฒนาตนเองภายใต้กรอบของลักษณ์เรา ซึ่งรวมความถึงการที่เราจะขยายกรอบของลักษณ์ที่เราอยู่นี้ ให้ใหญ่ขึ้น และเปิดรับเอาคุณสมบัติที่ดีงามของลักษณ์อื่น ๆ เข้ามาไว้ในตัวเรา อันเสมือนเป็นการขยายตัวเองออกนอกกรอบจำกัดของลักษณ์เราเองด้วย อุปมาเหมือนการทำให้กรอบกำแพงของลักษณ์เราหลอมละลาย ยืดหยุ่น และถ่างออกมากขึ้น ผมมีความเชื่อว่าในท้ายที่สุดบุคคลที่บรรลุซึ่งศักยภาพสูงสุดของความเป็นมนุษ ย์จะไม่มีกรอบกำแพงของบุคลิกภาพ ความเป็นตัวตนหลงเหลืออยู่อีก

ในกรณีของคุณซึ่งเป็นลักษณ์ 1 (จริงหรือครับ?) , การฝึกฝนตนเองอย่างจริงจังที่คุณได้อธิบายมา ทำให้คุณสามารถปล่อยวางการยึดติดของลักษณ์และเปิดรับความรู้สึกทั้งด้านบวกและลบได้อย่างสมดุล รวมทั้งการดำเนินชีวิตไปตามวิถีแห่งธรรมชาติด้วยความสงบศานติโดยยอมรับได้กับความแตกต่างของผู้อื่น สภาวะเช่นนี้ทำให้คุณสามารถดำเนินการต่าง ๆ ได้ตามเหตุและปัจจัย โดยเป็นไปตามลำดับเนื้อหาความสำคัญจำเป็นของมัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติด้านบารมีที่เรียกว่า "การกระทำที่ถูกต้อง" (RIGHT ACTION) ของคน 9

ยิ่งไปกว่านั้น บารมีของคน 9 เรื่องการกระทำชอบนี้ ยังรวมความถึงการตระหนักรู้ว่าการกระทำใดเป็นสิ่งที่เกื้อกูลชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงการยอมรับความคิดเห็นและคุณธรรมบารมีที่หลากหลายเอาไว้ด้วย ดังนั้นจึงเป็นไปได้อย่างมากที่คุณจะกลายเป็นคนที่ดูเหมือนคนลักษณ์ 9 ที่พัฒนาก้าวหน้าในด้านคุณธรรมบารมีของเขาได้ดีแล้ว และคุณเองก็คงมีความยืดหยุ่นสามารถปรับเพิ่มลดปริมาณความเป็นปีกของลักษณ์คุณได้ตามความเหมาะสม โดยรวมแล้ว เมื่อเราทุกคนพัฒนาตนเองมากยิ่งขึ้นเท่าไร ความแตกต่างที่เกิดจากความเป็นลักษณ์ที่ต่างกันของเรา ก็จะลดน้อยลงยิ่งๆขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ดี คุณต้องไม่ลืมว่าในฐานะของคน 1 จุดยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาตนเองของคุณ อยู่ที่ตัวกิเลสประจำลักษณ์ 1 ซึ่งก็คือ "โทสจริต" (หรือการมีความโกรธ-ความหงุดหงิดตึงเครียด เป็นจ้าวเรือน) ไม่ใช่ความเกียจคร้านเฉื่อยชาของคน 9 ที่หลงลืมตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าคุณจะพัฒนาก้าวหน้าเพียงไร เมื่อคุณเป็นคน 1 คุณก็ยังมีแนวโน้มที่จะโมโหหงุดหงิดกับความไม่ได้มาตรฐานของผู้อื่น (ซึ่งทำให้คุณต้องเข้าไปบริหารจัดการ ตามคำบรรยายที่คุณเขียนมา) มากกว่าที่จะไปโมโหกับการถูกรบกวนความสงบสบาย หรือการต้องไปเผชิญความขัดแย้ง จนถึงสภาวะดื้อรั้นหัวชนฝา (ซึ่งเป็นประเด็นของคน 9)

ประเด็นสำคัญที่สุดที่คุณต้องแจ่มชัดก็คือ เรื่องกิเลส หรือ การยึดติดประจำลักษณ์หนึ่งๆนั้น เป็นหัวใจของการพัฒนาตนเองของคนลักษณ์นั้นๆ และเป็นกุญแจที่จะนำคุณไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ตามศักยภาพบารมีของลักษณ์คุณ

ขอขอบคุณสำหรับคำถามของคุณ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนทั่วไปนี้ด้วย และกรุณาบอกเล่าเรื่องของคุณมาอีก 
  
นับถือ

เดวิด แดเนียล